เขื่อนขุนด่านปราการชล
เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่ยาวที่สุดในโลก อยู่ที่บ้านท่าด่าน ตำบล หินตั้ง ห่างจากวังตะไคร้ประมาณ 3 กิโลเมตร สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานชื่อเขื่อนว่า เขื่อนขุนด่านปราการชล เพื่อเชิดชูวีรกรรมของขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน หรือ ขุนด่าน วีรชนของนครนายกในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตัวเขื่อนมีความยาวรวม 2,720 เมตร ความสูง 93 เมตร ความจุน้ำ 224 ล้านลูกบาศก์เมตร รับน้ำที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน้ำ สามารถป้องกันน้ำท่วมและลดความเสียหายจากน้ำล้นตลิ่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของนครนายก โดยสามารถชมทิวทัศน์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้จากบริเวณสันเขื่อน และชมทิวทัศน์เมืองนครนายกด้านหลังเขื่อน   

 


 

 



 


วัดนางรอง

ตั้งอยู่บนยอดเนินห่างจากวังตะไคร้ไม่ไกล เพียงเลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งข้ามสะพาน ขับต่อไปอีกเล็กน้อยจะเห็นบันไดทอดยาวขึ้นสู่วัดนางรอง ถัดไปอีกนิดจะมีถนนให้รถวิ่งขึ้นได้ วัดแห่งนี้มีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ขนาดเท่าพระองค์จริงประดิษฐานอยู่ ในปี 2545 ทางวัดสร้างมณฑปทรงยุโรปหลังคา 8 เหลี่ยมกว้าง 8 เมตร ยาว 8 เมตร เพื่อเป็นที่ประดิษฐาน และในปี 2547 คณะศิษย์ได้นำพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มาประดิษฐานไว้คู่กันในมณฑปนี้ ที่โดดเด่นสะดุดตาของวัดนี้คือ วิหารระฆัง ที่สูงจากพื้นดิน 18 เมตร แบ่งเป็น 5 ชั้น สามารถมองเห็นวิวรอบ ๆ โดยเฉพาะเขื่อนขุนด่านปราการชลได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางต่างๆ พระโพธิสัตว์กวนอิม พระพิฆเณศวร พระสังกัจจายน์ รูปปั้นแพทย์ชีวกโกมารภัจจ์ ข้างมณฑปหลังคาแปดเหลี่ยมมีศาลปลัดจ่าง (นามเดิม นายจ่าง นิสัยสัตย์) บุคคลที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธา เนื่องด้วยวีรกรรมแห่งความกล้าหาญจนได้รับแต่งตั้ง เป็นปลัดปราบปรามโจรผู้ร้าย ปลัดจ่างมีวิธีการแยบยลในการปราบปรามโจรผู้ร้ายทั้ง 5 กลุ่มใหญ่ที่แผ่อิทธิพลอยู่ทั่วเขาใหญ่ในอดีต จนได้ชื่อว่า "เจ้าพ่อเขาใหญ่" เมื่อท่านถึงแก่อสัญกรรม ชาวบ้านและหน่วยราชการได้ตั้งศาลที่ต้นกะบกใหญ่บนเขาใกล้โรงเรียนวัดหนองเคี่ยม อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก และขนานนามศาลนี้ว่า ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่

 




 


น้ำตกนางรอง

น้ำตกนางรอง อยู่ห่างจากวังตะไคร้ 2 กิโลเมตร อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นน้ำตกขนาดกลางที่ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นและไม่สูงนัก มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจากน้ำตก จะไหลเชี่ยวมาก จึงควรระมัดระวังในการลงเล่นน้ำ

 




 

 

วัดคีรีวัน
อยู่บนถนนนครนายก-เขื่อนขุนด่านปราการชล ตำบลศรีนาวา ออกจากวังตะไคร้เลี้ยวขวา ขับมาถึงสี่แยกประชาเกษม ให้เลี้ยวซ้ายและขับต่อไปอีกประมาณ 3 กม. จะพบวัดคีรีวันอยู่ด้านขวา เป็นวัดเก่าแก่ที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตองค์จำลองขนาดใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง 49 นิ้ว สูง 32.9  นิ้ว หนัก 1 ตัน และมีเครื่องทรงครบทั้ง 3 ฤดู ประดับตกแต่งด้วยเพชรแท้ 7 กะรัต พลอยแท้ 2,000 กว่าเม็ด และทับทิม 


 

 



 


วัดพราหมณี

เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในจังหวัดนครนายก อยู่บนถนนสาริกา-นางรอง หลักกิโลเมตรที่ 4 ห่างจากวังตะไคร้ประมาณ10กม. วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อปีพ.ศ. 2446 ปัจจุบันนี้มีอายุมากกว่า 100 ปี
วัดพราหมณีมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือกันอย่างกว้างขวางชื่อว่า "หลวงพ่อปากแดง" เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิสร้างด้วยโลหะสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 49 นิ้ว สูง 1 เมตร เป็นศิลปะสมัยล้านช้าง จีวรเป็นลายดอกพิกุล ริมพระโอษฐ์แย้มเป็นสีแดงเห็นชัดเจน ชาวบ้านจึงเรียกขานว่า "หลวงพ่อปากแดง" เล่ากันว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีริมฝีปากสีแดงสดโดยไม่มีใครนำสีไปทาแต่อย่างใด ได้รับคำยืนยันจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่อาศัยในละแวกนั้นบอกว่า
เห็นปากท่านแดงแบบนี้มาตั้งแต่เกิด นับเป็นความแปลกตาแปลกใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ตามตำนานเชื่อกันว่าหลวงพ่อปากแดงเป็นพระพุทธรูปพี่น้องกับ หลวงพ่อพระสุก และ หลวงพ่อพระไสที่ ประดิษฐานอยู่ที่จังหวัดหนองคายในปัจจุบันที่ได้อัญเชิญมาจากนครเวียงจันทร์ประเทศลาว เมื่อมาถึงประเทศไทยชาวบ้านได้แยกย้ายไปตามวัดต่างๆ ส่วนหลวงพ่อปากแดงนั้น ถูกชาวบ้านอัญเชิญและนำมาหยุดยังพื้นที่ว่าง บริเวณที่เป็นวัดพราหมณี ปัจจุบันนี้ จากนั้นก็ลงมือสร้างวัดและได้อัญเชิญ องค์หลวงพ่อขึ้นเป็นพระประธานในพระอุโบสถ และได้มาเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวจังหวัดนครนายก จนถึงทุกวันนี้

 




 


อุทยานพระพิฆเนศ นครนายก
หากออกจากวังตะไคร้ให้เลี้ยวขวา เมื่อถึงสี่แยกประชาเกษมให้เลี้ยวขวา ขับต่อไปอีกนิดจะพบอุทยานพระพิฆเนศอยู่ซ้ายมือเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระพิฆเนศปูนปั้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังจัดแสดงพระพิฆเนศปางต่าง ๆ ถึง 108 ปาง และหอมหาเทพ ซึ่งประดิษฐานมหาเทพสูงสุดทั้ง 3 พระองค์คือพระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ